อุปกรณ์สายควันคือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งซึ่งใช้แบตเตอรี่ในการทำงานเพื่อสร้างความร้อนและไอน้ำที่ประกอบไปด้วยสารต่าง ๆ เช่น นิโคติน (Nicotine) โพรไพลีนไกลคอล (Propylene Glycol) กลีเซอรีน (Glycerine) สารแต่งกลิ่นและรส (Flavoring) และน้ำ เมื่อเปิดเครื่องจะมีไฟสีแดงขึ้นพร้อมกับการทำงานของแบตเตอรี่ เกิดความร้อนทำให้น้ำยาที่บรรจุอยู่ภายในระเหยขึ้นมาเป็นควัน เมื่อสูบเข้าไปในปอดร่างกายจะได้รับนิโคตินก่อนที่จะถูกพ่นออกมา ไม่มีควันจากการเผาไหม้เหมือนผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมปกติทั่วไป อุปกรณ์สายควันจึงไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันดินหรือทาร์ (Tar) และคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งและโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
ใครที่ใช้อุปกรณ์สายควัน
อุปกรณ์สายควันกำลังเป็นที่นิยมและมีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น ผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นทั้งผู้ที่เคยสูบผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมแบบปกติทั่วไป และผู้ที่เริ่มต้นหรือทดลองสูบผลิตภัณฑ์ดั้งเดิม จากสถิติการสำรวจพฤติกรรมการสูบผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมของเยาวชน (National Youth Tobacco Survey) จากจำนวนนักเรียน 2 ล้านคน ในประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2557 พบว่า ในกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปลายมีการใช้อุปกรณ์สายควันเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 4.5 เป็นร้อยละ 13 และในกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมต้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.1 เป็นร้อยละ 3.9 เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวภายใน 1 ปี ในประเทศไทยยังไม่มีการอนุญาตให้จำหน่ายหรือนำเข้าอุปกรณ์สายควัน มีเพียงการลักลอบจำหน่ายในตลาดมืดจึงทำให้ยากต่อการเก็บข้อมูลทางสถิติ
คนอีกกลุ่มที่พบว่าใช้อุปกรณ์สายควันคือ ผู้ที่ต้องการเลิกสูบผลิตภัณฑ์ดั้งเดิม จากกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันในรัฐแคลิฟอร์เนียจำนวน 1,000 คนที่มีพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์สายควันในชีวิตประจำวันเป็นเวลา 1 ปี พบว่าร้อยละ 60 มีแนวโน้มที่จะเลิกสูบผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมและลดปริมาณในการสูบ แต่ Dr. Wael Al-Delaimy อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัวและสาธารณสุข คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการใช้อุปกรณ์สายควันสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกสูบผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมไว้ว่า จากการวิจัย การใช้อุปกรณ์สายควันอาจจะไม่ได้ช่วยให้เลิกพฤติกรรมการสูบผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมได้ หนึ่งในตัวแปรสำคัญคือปริมาณนิโคตินในอุปกรณ์สายควัน ซึ่งเป็นสารเสพติดให้โทษเช่นเดียวกันกับที่พบในผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมปกติทั่วไป และเรื่องนี้ยังจำเป็นต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติมต่อไป
ส่วนประกอบของอุปกรณ์สายควัน
อุปกรณ์สายควันในปัจจุบันยังไม่มีมาตรฐานการผลิตที่เป็นไปในรูปแบบเดียวกัน จึงทำให้ยากที่จะตอบได้ว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง โดยทั่วไปมีลักษณะคล้ายผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมปกติทั่วไป หรืออาจดัดแปลงให้มีลักษณะต่างออกไป ซึ่งส่วนประกอบหลักของอุปกรณ์สายควันแบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือ แบตเตอรี่ (Battery) ตัวที่ทำให้เกิดไอและความร้อน (Atomizer) และตลับเก็บน้ำยา (Cartridge)
อุปกรณ์สายควันจะทำงานได้ไม่เต็มรูปแบบถ้าขาดน้ำยาสำหรับอุปกรณ์สายควัน (E-Liquid หรือ E-Juice) ซึ่งบรรจุอยู่ในตลับเก็บน้ำยาเพื่อเตรียมเข้าสู่กระบวนการทำความร้อนก่อนกลายเป็นไอที่ผู้ใช้อุปกรณ์สายควันสูบเข้าไปในปอด ส่วนผสมที่พบมากในน้ำยา E-Liquid หรือ E-Juice มีดังนี้
- นิโคติน (Nicotine) เป็นสารสกัดจากใบยาสูบและเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่พบได้ในทั้งอุปกรณ์สายควันและผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมปกติทั่วไป นิโคตินจะทำให้ร่างกายเสพติดการใช้ผลิตภัณฑ์ดั้งเดิม และจะเข้าไปกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง เพิ่มความดันโลหิต เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจ ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอดและโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจได้ ระดับนิโคตินในอุปกรณ์สายควันแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคือ เปอร์เซ็นต์ มิลลิกรัม และระดับความเข้มข้น ได้แก่ ระดับสูง ระดับกลาง และระดับต่ำ
- โพรไพลีนไกลคอล (Propylene Glycol) เป็นสารสังเคราะห์ชนิดหนึ่งที่องค์การอาหารและยา (FDA) ยืนยันถึงความปลอดภัยว่าใช้ได้ทั้งในอาหาร ยา และเครื่องสำอาง รวมถึงนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในการสร้างไอหรือหมอกสำหรับเวทีการแสดงต่าง ๆ แต่เมื่อสัมผัสหรือสูดดมเข้าไปอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองที่ดวงตาและปอดได้ โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง
- กลีเซอรีน (Glycerine) เป็นสารที่ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น แต่มีรสชาติหวานเล็กน้อย องค์การอาหารและยา (FDA) ยืนยันถึงความปลอดภัยว่าใช้ได้ทั้งในอาหารและยา แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเมื่อเปลี่ยนรูปแบบเป็นไอที่สูบหรือสูดแล้วเกิดผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย เช่นเดียวกันกับโพรไพลีนไกลคอล
- สารแต่งกลิ่นและรส (Flavoring) เป็นสารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารทั่วไป มีความปลอดภัยเมื่อรับประทานเข้าสู่ร่างกาย แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเมื่อเปลี่ยนรูปแบบเป็นไอที่สูบหรือสูดแล้วเกิดผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย ตัวอย่างเช่น สารไดอะซิติล (Diacetyl) ที่พบมากในเนยสำหรับทำป็อปคอร์น อาจเป็นสาเหตุของปัญหาระบบทางเดินหายใจและปอด
ประเภทของอุปกรณ์สายควัน
อุปกรณ์สายควันในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ แต่แบ่งได้ 3 รูปแบบคือ แบบที่ 1 (Cigalike) แบบที่ 2 (eGos) และแบบที่ 3 (Mods) โดยมีรายละเอียดดังนี้
- อุปกรณ์สายควันรูปแบบที่ 1 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Cigalike มีรูปลักษณ์ภายนอก ทั้งรูปทรงและขนาดที่คล้ายกับผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมปกติทั่วไป แต่จะมีตัวที่ทำให้เกิดไอและความร้อนเพิ่มเข้ามา
- อุปกรณ์สายควันรูปแบบที่ 2 หรือที่รู้จักกันในชื่อ eGos มีลักษณะคล้ายผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมปกติทั่วไปเช่นกัน แต่มีขนาดใหญ่กว่า หรือมีรูปทรงที่แตกต่างกันออกไป และมีตัวถังที่สามารถถอดออก และเติม E-Liquid หรือ E-Juice ที่มีระดับนิโคติน หรือรสและกลิ่นต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง
- อุปกรณ์สายควันรูปแบบที่ 3 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Mods มีลักษณะคล้ายอุปกรณ์สายควันแบบ eGos แต่มีขนาดใหญ่กว่า และสามารถปรับแรงดันไฟฟ้า ขนาดของตัวที่ทำให้เกิดไอและความร้อน รวมถึงขนาดและปริมาณของ E-Liquid หรือ E-Juice ได้ตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน
ข้อดีของการใช้อุปกรณ์สายควัน
อุปกรณ์สายควันมีข้อดีที่แตกต่างจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมปกติทั่วไป เช่น อุปกรณ์สายควันไม่มีควันจากการเผาไหม้เหมือนในผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมปกติทั่วไป ทำให้อุปกรณ์สายควันไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันดินหรือทาร์ (Tar) และคาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon Monoxide) หรือสารพิษอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอด โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดในสมองแตก และโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ ยังตรวจพบสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกายในระดับที่ต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมปกติทั่วไปอีกด้วย
กระทรวงสาธารณสุข ประเทศอังกฤษได้เปิดเผยหลักฐานเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์สายควันว่ามีความปลอดภัยมากกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมปกติทั่วไปสูงถึง 95% และมีประสิทธิภาพในการช่วยให้เลิกพฤติกรรมการสูบผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมได้ สาเหตุสำคัญคือในอุปกรณ์สายควันไม่มีส่วนประกอบของใบยาสูบ มีเพียงนิโคตินที่เป็นสารเสพติดแต่ให้โทษน้อยกว่าใบยาสูบ ทำให้อุปกรณ์สายควันเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ที่เสพติดนิโคติน
องค์การอาหารและยาพบร่องรอยของสารพิษ 0.1% ในน้ำยา E-Liquid หรือ E-Juice เช่น สารไนโตรซามีน (Nitrosamines) และสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) ที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง และก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย เช่น ปากแห้ง ระคายเคืองในลำคอ ไอแห้ง เป็นต้น
แต่ยังไม่มีหลักฐานทางการวิจัยที่สรุปอย่างชัดเจนว่าอุปกรณ์สายควันช่วยเลิกผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมได้จริง และในหลายประเทศการจำหน่ายอุปกรณ์สายควันถือว่าผิดกฎหมาย รวมถึงประเทศไทยด้วย
ข้อเสียของการใช้อุปกรณ์สายควัน
ใบยาสูบคือสิ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมปกติทั่วไปแตกต่างจากอุปกรณ์สายควัน แต่นิโคตินยังคงเป็นส่วนประกอบหลักในอุปกรณ์สายควันและเป็นสารเสพติดที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น กระตุ้นสมอง ทำให้เกิดอาการมึนงง กระตุ้นหัวใจทำให้อัตราการทำงานของหัวใจเพิ่มขึ้น หัวใจทำงานหนัก เกิดภาวะหัวใจวาย ทำให้เส้นเลือดหดตัวซึ่งส่งผลให้เกิดความดันในเลือดสูงขึ้น เส้นเลือดในสมองแตก ปัญหาต่อระบบทางเดินหายใจ หายใจเร็ว เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปอด มีความผิดปกติทางอารมณ์ สมาธิและความคิด ปัญหาของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เป็นต้น เนื่องจากอุปกรณ์สายควันเข้ามาในประเทศไทยได้ไม่ถึง 10 ปี แพทย์จึงยังไม่ทราบผลเสียหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อร่างกายในระยะยาว
นักวิจัยโรงเรียนสาธารณสุข Johns Hopkins Bloomberg ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ค้นพบว่าในน้ำยา E-Liquid หรือ E-Juice ที่ใช้ในอุปกรณ์สายควัน มีโลหะหนัก ได้แก่ นิกเกิล ตะกั่ว แมงกานีส โครเมียม และแคดเมียม และสารพิษที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งในระดับสูง จึงทำให้องค์การอาหารและยา (FDA) ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ตรวจสอบโดยเรียกร้องให้บริษัทที่ผลิตอุปกรณ์สายควันส่งรายละเอียดเกี่ยวกับส่วนผสมที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
นักวิจัยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย รัฐลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทดลองในห้องปฏิบัติการและพบว่าร้อยละ 85 ในไอหรือหมอกจากการใช้อุปกรณ์สายควันมีสารพิษที่ไปทำลายเซลล์ในปาก โดยเฉพาะในผิวชั้นบนสุด รวมไปถึงเหงือกและฟัน
อาจารย์มหาวิทยาลัยนอร์ทดาโคตา ประเทศสหรัฐอเมริกาได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการได้รับปริมาณนิโคตินที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายจากการติดฉลากผิดบนบรรจุภัณฑ์น้ำยา E-Liquid หรือ E-Juice ที่ใช้ในอุปกรณ์สายควัน จากการสำรวจพบว่าปริมาณนิโคตินในน้ำยา E-Liquid หรือ E-Juice กับปริมาณที่ระบุบนฉลากไม่ตรงกัน คิดเป็นร้อยละ 51 ซึ่งร้อยละ 34 มีปริมาณนิโคตินต่ำกว่าที่ระบุบนฉลากและร้อยละ 17 มีปริมาณนิโคตินสูงกว่าที่ระบุบนฉลาก
นักศึกษาภาควิชาเซลล์ชีววิทยาและสรีรวิทยา มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับระบบการทำงานของเซลล์ในปอดที่ลดลง เนื่องจากมาตรฐานการผลิตน้ำยา E-Liquid หรือ E-Juice ที่ใช้ในอุปกรณ์สายควันยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานการผลิตเดียวกันกับที่องค์การอาหารและยา (FDA) กำหนด
จากข้อมูลในปัจจุบัน การใช้อุปกรณ์สายควันแตกต่างจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมปกติทั่วไปคือ ไม่พบสารเคมีที่เกิดจากการเผาไหม้เข้าสู่ร่างกาย แต่การใช้อุปกรณ์สายควันอาจมีอันตรายมาก หากอุปกรณ์ที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ผู้ใช้อุปกรณ์สายควันได้รับปริมาณนิโคตินเกินขนาด หรือมีการผสมสารเสพติดชนิดอื่นร่วมกับนิโคตินเหลว หรือเป็นช่องทางการใช้สารเสพติดชนิดอื่นเข้าสู่ร่างกาย รวมถึงสารปรุงแต่งอื่น ๆ ที่ยังไม่มีการศึกษาวิจัยข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือมาตรฐานการผลิต อันตรายที่อาจเป็นไปได้อีกข้อคือ นิโคตินเหลวในบรรจุภัณฑ์หากเก็บรักษาไม่ถูกต้องหรือเก็บไว้นานอาจมีเชื้อราหรือเชื้อโรคก่อตัวขึ้น ทำให้ผู้สูบได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายในขณะใช้อุปกรณ์สายควัน และเยาวชนที่ไม่เคยสูบผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมอาจเริ่มต้นทดลองด้วยการใช้อุปกรณ์สายควัน ทำให้เสพติดนิโคตินเหลว และอาจนำไปสู่การสูบผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมปกติทั่วไปในอนาคต
สั่งสินค้าผ่าน LINE Official Account รวดเร็วภายใน 3 นาที จัดส่งถึงมือคุณภายใน 3 ชั่วโมง และมีทีมงานคอยช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง โดยสามารถเลือกดูสินค้าได้ที่ KS Device และ KS Flavor Pod ค่ะ